หญิงแย้บินร่วม 30 ชั่วโมง กว่าจะถึงเมืองใต้สุดของโลก “อูซัวยา”

สวัสดีจ้า  หญิงแย้พาไปเที่ยวอีกแล้ว! คราวนี้แย้จะพาไปไกลถึงขั้วโลกใต้เลยทีเดียวเชียว  กว่าจะไปถึงจะต้องผ่านอะไรบ้าง  เริ่มแรกเลยจ้าออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังอิสตันบูล ประเทศตุรกี  ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง  

ไปกับ Turkish Airline ไฟท์บินนี้เด็ดมาก  เมนูอาหารให้เลือกเพียบ  แย้บินชั้น Business Class นะแจ๊ะ  มื้อแรกจะเป็นอาคารค่ำ  ขึ้นไปปุ๊บก็จะได้รับประทานอย่างเมามัน


นี่คืออาหารมื้อเย็นมื้อแรกนะคะ  เยอะมาก  อร่อยดีใช้ได้เลย



อาหารมื้อเช้าก็จะค่อนข้างเลี่ยนนิดนึง


หลังจากนั้นก็เป็นการนั่งเครื่องจากตุรกีไปบัวโนสไอเรสเมืองหลวงของประเทศอาร์เจนตินา  ใช้เวลาประมาณ 17 ชั่วโมง  เครื่องบินรอบนี้ดีมากเป็นเครื่องบิน Boing777-300  เครื่องบินลำนี้มี Wifi ในตัว  สุดยอด  ถ้าเกิดว่านั่ง Business Class จะได้เล่นฟรี  ถ้าเกิดนั่งเป็น Economy  ก็จะต้องเสียเงินเพิ่ม  ที่นี่บนเครื่องสามารถเอนได้ 180 องศา  เหมือนนอนราบกับพื้นเลย  แต่ลำแรกที่เดินทางจากกรุงเทพมาอิสตันบูล  เอียงได้ประมาน 80 องศา  ทำให้ตัวไหลลงมา  นอนไม่ค่อยสบาย


ขึ้นเครื่องมาปุ๊บก็เริ่มแจกขนม  เริ่มด้วยน้ำผลไม้ Welcome Drink หลังจากนั้นก็ตามด้วยช็อคโกแลต Godiva นานาชนิด แล้วก็ Appetizer เป็นมันบดทอด ปอเปี้ยะกุ้ง  แล้วก็อะไรไม่รู้ห่อใบไม้  ไม่กล้ากิน  พี่หมอกินเข้าไปบอกว่ารสชาติไม่ได้เรื่องเลย  


ถัดมาก็เป็นเซ็ตขนมปัง  ก็มีเครื่องเทศมาให้ด้วย  แล้วก็มีเนยสด พริกไท เกลือ  ตามมาด้วนติ่มซำ  เป็นติ่มซำสไตล์ตุรกี  เค้าจะเข็นมาแล้วก็ให้เราเลือกว่าเราอยากจะกินอะไรบ้าง  แล้วก็จิ้มๆ  มีหลายอันที่รสชาติดี  ที่เป็นพริกหยวกห่อบลูชีส  อร่อยมาก


ตามมาด้วยซุปครีมเนื้อวัว  ซุปครีมนี้ใส่เนยเยอะมาก  กินเข้าไปนี่คละคลุ้งเต็มปากเลย  รู้เลยว่าให้แคลลอรี่สูงมาก  เนื้อวัวก็อร่อยมาก  กลิ่นแรงกำลังดี  ส่วน Main Cause เลือกระหว่างปลากับเนื้อวัว  ก็เลยให้แฟนเลือกปลามา  ส่วนเราก็เลือกเนื้อวัว  ปลาก็รสชาติโอเค  อร่อยเหมือนกินปลาทูน่า  เวลาสั่งเนื้อวัวที่เมืองนอก  ไม่ต้องห่วงเรื่องเหนียวเลย  เพราะว่าเนื้อวัวที่เมืองนอกจะไม่ค่อยเหนียว  ไม่เหมือนเนื้อวัวบ้านเรา  จะเหนียวมาก  อันนี้จะเนื้อนิ่ม  เคี้ยวง่าย  หอมกำลังดี  อร๊อยยยยอร่อยยย  


ปิดด้วยของหวานไอศครีมและผลไม้   มูสช็อคโกแลตและชีส  ฟินนน  หลับสบาย


ตื่นเช้ามมาก็กินต่อเลยจ้า  เป็นทิรามิสุและนานาชีส  แล้วก็มีคล้ายๆกิมจิของอเมริกาใต้  เป็นถั่วฝักยาวดองกับนู่นนี่นั่น  อร่อยดี  รสชาติถุกปากคนไทย  ส่วนจานกลางเป็นซีซาร์สลัดกับอกไก่  ที่นี่ไม่มีส่วนน่องเลยไม่รู้่เค้าส่วนน่องไปทำไรหมด


ต่อมาเป็นเนื้อวัว  แต่กลิ่นเหมือนเนื้อแกะมาก  ก็เลยกินได้นิดเดียว  ไม่ไหวกับกลิ่นจริงๆ


พอถึงที่บัวโนสไอเรสแล้ว  ก็ไปนอนพักที่โรงแรม Holiday In ไกล้ๆสนามบิน  และพอตื่นเช้ามาก็ไปสนามบินอีก  เพื่อที่จะเดินทางจากบัวโนสไอเรสบินไปที่อูซัวยา  ซึ่งเมืองอูซัวยา เป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของโลกนี่เอง  นั่งชั้น Economy ก็จะมีอาหารเป็นพวกแครกเกอร์แล้วก็คุ๊กกี้  ไม่ได้รู้สึกว่าท้องหายหิวเลย  กินประทังชีวิตจริงๆ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง


ทัศนียภาพของเมืองอูซัวยานะครับ  สภาพจะเป็นแบบนี้  เป็นเมืองชายฝั่งที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก  มีรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว  ก็จะมีเรือใหญ่มาจอด  แล้วก็จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันที่นี่  เวลาที่มาจะเป็นช่วงหน้าร้อนของที่นี่   อากาศจะอยู่ที่ 5-20 องศา  นี่คือหน้าร้อน  แล้วคิดดูถ้าไม่หน้าร้อนจะหนาวขนาดไหน  บ้าจริง


พอเรามาถึงเมืองนี้ปุ๊บ  เราก็มาล่องเรือ Catamaran เลย  ไปยังช่องแคบบีเกิ้ล  ชมวิว  กินลม  สูดอากาศบริสุทธิ์  


และนี่คืออาหารบนเรือ Catamaran หน้าตาเป็นแบบนี้  รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว 


หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็ล่องเรือชมวิวกันต่อ  ชมวิว  ทัศนียภาพไปเรื่อยๆ เค้าก็พาไปเจอนกกาน้ำ  ไม่ใช่นกเป็ดน้ำนะ  แล้วก็มีพวกแมวน้ำ  สิงโตทะเล  จนเย็นกลับสู่ฝั่ง 


และมื้อเย็นก็ทานอาหารที่โรงแรมอีก  อิ่มมากกกกก  นอนเอาแรงเพื่อเที่ยวกันต่อในวันพรุ่งนี้


วันรุ่งขึ้นไปนั่งรถไฟสาย End of the world train มุ่งหน้าสู่พิโค  วัลเลย์  ไปยังอุทยานแห่งชาติเดียร์รา  เดลฟวยโก


ที่ถ่ายรูปที่ตู้ไปรษณีย์กับพี่หมอ  เราสามารถที่จะเอาพาสปอร์ตตัวจริงมาประทับตราได้ว่า  เราอยู่ที่แผ่นดินสุดขอบโลกแล้ว  แต่เสียเงิน 2 ดอลลาร์  แพงก็เลยไม่ประทับตรา อิอิ


ในอุทยานก็ไม่มีอะไรเลย  มีพวกพืชพรรณธรรมชาติอะไรอย่างงี้  ก็เลยไม่ได้ตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่  สัตว์ก็ไม่มีก็เลย  จริงแล้วจะมีหมาจิ้งจอกด้วย   แล้วก็มีนกเป็ด ซึ่งนกเป็ดน้ำจะเป็นสัตว์ประจำท้องถิ่นของที่นี่


ช่วงหน้าหนาวไม่ต้องพูดถึง  ที่นี่ติดลบ  น้ำแข็งมากมายมหาศาล  หน้าร้อนจะอากาศจะประมานเลขตัวเดียวไปถึง 17-18  อันนี้คือหน้าร้อน  หนาวมาก  แล้วก็ไปขึ้นรถไฟเพื่อไปชมทัศนีย์ภาพในอีกหนึ่งรูปแบบของวนอุทยานแห่งชาติที่นี่เองนะครับ   ซึ่งรถไฟนี่ก็โบราณมาก   ปัจจุบันก็เอาไว้สำหรับท่องเที่ยวอย่างเดียว  ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง  เส้นทาง 7 กิโลเมตร  วิวทิวทัศน์ก็ไม่ได้มีอะไรเลย  มีสัตว์ทั่วไป  ม้าเยอะมาก  ม้าที่อ้วนยังกะวัวเลย  ไม่มีอะไร  มีแต่ต้นไม้  




มากินอาหารกันบ้างนะคะ  เริ่มที่ Appetizer เป็นกะหรี่ปั๊บ แต่ข้างในอุดมไปด้วยเนื้อวัว  แบบแน่นมาก  เป็นกะหรี่ปั๊บที่ถ้าไปขายที่เมืองไทยคงแพงมาก  



แล้วเค้าก็มาเสิร์ฟ Main Cause เลย  ไม่มีสลัด  ซึ่งจะมากับเครื่องเคียง  มีมันบด ผักแล้วก็แครอทแล้วเราก็ตักแบ่งเอาเอง  


ปิดท้ายด้วยขนมหวานคัทตาร์สแสนอร่อย  มีคาราเมลมาให้ที่เป็นสีน้ำตาล  สุดยอดมากกินเกลี้ยงเลย  แล้วมื้อกลางวันก็มาทานอาหารที่ร้านอาหารทัวร์ลง  แต่อร่อยใช้ได้เลย  ขนาดไม่มีน้ำจิ้มแจ่วยังกินกันยับเลย  เป็นอาหารพื้นเมือง  เน้่นเป็นพวกเนื้อวัว  เนื้อแกะ  เนื้อไก่  ซึ่งทุกอย่างอร่อยหมด


รายได้หลักของคนอูซัวย่าก็มาจากการท่องเที่ยว  เพราะว่าเป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของโลก  ก็จะมีคนที่มาท่องเที่ยวเยอะ  เพื่อที่จะมาพิชิตขั้วโลกใต้  เนื่องจากขั้วโลกใต้ไม่มีสนามบิน  ก็ต้องต่อเรือไปแบบแย้นั่นเอง


เป็นยังไงกับเส้นทางการมาสู้ขั้วโลกใต้ 30 ชั่วโมง  ในตอนต่อไปแย้จะพาไปขึ้นเรือ Celebrity Infinity Cruise สุดหรูหรา  สะดวกสบาย  ห้ามพลาดกันในตอนต่อไปนะจ้ะ


ติดตามหญิงแย้ได้ทุกช่องทางที่
Blog :http://www.yaeuunws.com
Facebook : www.facebook.com/uunws
Instagram : yae_uunws
SocialCam : Yae_uunws
Youtube : www.youtube.com/user/YAEuunws
Pantip : นนทพรแย้

Jeban : Yaeuunws

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

 
หญิงแย้ © 2014 | Designed by Janenipa.com