ITEM HOT HIT ในดวงใจของหญิงแย้

ITEM HOT HIT ในดวงใจของหญิงแย้ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา  มีอะไรบ้างที่ต้องติดกระเป๋า  ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด  แม้ไปต่างประเทศ  ไปต่างจังหวัด  นางก็เอาไป  ทั้งหมดนี่เลย  มีทั้งแพงเลยไม่แพง

แรกเริ่มเลยที่ครีมบำรุงผิวนั่นเอง  แย้จะใช้บ่อยมาก  ทั้งหมดก็มี 4 ตัวนี้  ตัวแรกเป็นเซรั่มแบบน้ำ  Hydraulic Acid ถ้าวันไหนผิวแห้งก็จะใช้คู่กับตัว GentaCare สีขาว  กับ Heotgaenamu สีแดง  แต่ถ้าช่วงไหนที่ผิวมันก็จะใช้กับกระปุกสีฟ้า  เป็นตัวที่โอเคมากๆเซตนี้  เพราะว่าใช้แล้วไม่มีปัญหาเรื่องสิว  ไม่มีปัญหาเรื่องอะไรเท่าไหร่  แต่ถามว่ามันก็ไม่ได้ทำให้หน้าเราขาวขึ้นอะไรในทันที  ก็เหมือนกับทำให้หน้าเราชุ่มฉ่ำอิ่มน้ำมากกว่า


มาที่รองพื้นกันบ้าง  รองพื้นที่ใช้บ่อยที่สุดที่เป็นสีเนื้อก็จะเป็นของ Lancome Lancome Teint Miracle ซึ่งมันเบาบางมาก  ดังนั้นใครชอบหนาๆแนะนำว่าลองดูตัวอื่นดีกว่า  แต่แย้ชอบตัวนี้เพราะมันบางเบา  แล้วก็ใช้คู่กับหอยเขียวของ Mode’er ผสมกัน  แล้วแต่ว่าถ้าไปงานกลางคืน  ก็อาจจะไม่ได้ใช้หอยเขียวเยอะเท่าไหร่  แต่ถ้าเกิดไปงานกลางวันก็จะใช้หอยเขียวเยอะหน่อย  เพื่อให้หน้าสว่างๆ

และนี่คือเรื่องเศร้าในชีวิตเพราะแย้เจอคอนซิลเลอร์ที่ดีที่ีสุดเท่าที่เคยใช้่มา  ซึ่งซื้อจากประเทศญี่ปุ่น  ที่ฮอกไกโด  แล้วก็ไม่รู้ว่ามันคือยี่ห้ออะไร  และซื้อที่ไหน  ใครที่รู้จักก็รบกวนช่วยแจ้งด้วยนะคะ  แย้ลงเบอร์ 1 ก่อน  และตามด้วยเบอร์ 2 ตัวนี้มันจะดีมาก  ถึงเป็นแบบสติ๊กก็ตาม  แต่ลงไปแล้วมันจะไม่แห้งแตก  มีความชุ่มชื้น  เวลายิ้มก็ไม่แตกระแหงด้วย

มาที่แป้งฝุ่นกันบ้างนะคะ  จริงแล้วจะใช้ Lela บ่อยกว่า  แต่ว่าตัวนี้ค่อนข้างประทับใจมาก  เพราะเป็นแป้งฝุ่นที่มีอณูเล็กที่สุดในปฐพี  เคยซื้อ Laura Mercier มาใช้ที่เค้าบอกว่าเป็นแป้งฝุ่นที่ดีที่สุด  แต่แย้รู้สึกว่าสู้ตัวนี้ไม่ได้ของ Arty นี่เอง


มาถึงการคอนทัวร์หน้า  ถ้าสมมุติว่าเป็นใบหน้าทั่วไปแย้จะใช้ของ Mac สี Dark ตัวนี้ซื้อที่อเมริกา  ราคาถูกมากแต่ไม่รู้ที่เมืองไทยขายเท่าไหร่  โทนสีจะออกเหลืองๆ เหมาะกับคนเอเชียมาก  แต่พอลองเอามาไลท์จมูกแล้วไม่ค่อยเวิร์ค  มันดูติดส้มไปนิดนึงก็เลยเอามาคอนทัวร์หน้าอย่างเดียว  ส่วนตัวไลท์จมูกจะใช้ของ The Blam Bahama mama อันนี้มันจะออกน้ำตาลโทนชมพู  ไลท์จมูกได้สวยกว่า

มาที่บรัชออน  แย้จะใช้ 2 อันนี้เป็นหลักเลย  อันแรกคือของ L’oreal ดีมาก  ทาแล้วสีสวยกำลังดี  แต่ก็ต้่องดูการโทนแต่งหน้าด้วยว่าเหมาะกับสีชมพูรึเปล่า  ส่วน Bobbi Brown วันไหนที่ต้องการความ Glow ต้องการชิมเมอร์  ก็จะใช้นาง  สีจะไม่ทำให้หน้าเราเพิี้ยนไป  สีน่ารักฟรุ้งฟริ้ง  ออกพีชๆอบอุ่น  ไม่ชมพูจ๋าจนเกินไป  เพราะว่าถ้าชมพูจ๋าเกินไป  มันจะผิดธรรมชาติ

ถัดมาเป็นเรื่องของ Eye Shadow ยังเป็น Bobbi Brown อยู่  แต่แย้เป็นคนแกะ  แล้วก็ใส่ครั้งแรกก็เลยไม่รู้ว่าข้างหลังเค้ามีระบุเบอร์ด้วย  ก็เลยเละๆเทะๆแบบนี้  สีที่ชอบมากก็คือชอบทั้ง 3 สีเลย  ดีจริงๆ  ทีเดียวรู้เรื่อง  จบไม่ต้องซื้อะไรอย่างอื่นแล้ว


ต่อมานี่ก็ยังครองแชมป์อยู่เหมือนเดิม  ก็คือที่เขียนคิ้วของ Etude กับแปรงมาสคาร่าปัดคิ้วของ Kiss ก็ยังคงดีที่สุดอยู่ดี  ถึงแม้จะลองใช้ยี่ห้ออื่นดูแล้ว  ก็ยังไม่มียี่ห้อไหนทดแทนได้


มาที่ดวงตากันบ้างนะคะ  ที่เห็นซ้ามมือสุดก็จะเป็นของ Arty ก็เป็นกาวติดขนตาที่ดีมากๆเลย  คล้ายๆกับ BSC  แต่พอเราทาที่ก้านขนตาเสร็จแล้วเราต้องรอให้กาวเซตตัวสักแป้บ  แล้วค่อยติดเข้าไป  แล้วมันจะแน่นจริงๆนะคะ  แต่ถ้าเป็นของ BSC จะสามารถติดได้เลย  แต่เหมือนตอนนั้น BSC ขาดตลาดก็เลยซื้อของ Arty มาใช้ก็ดีเหมือนกัน  แต่ถ้าถามว่ากันน้ำมั้ย  ไม่กัน   แต่ข้อดีของเค้าก็คือถ้าเคยใช้ของ Duo แล้วมันมีปัญหา  ตรงที่กาวมันติดอยู่กับเปลือกตาเรา  ถ้าของ Arty กาวมันจะติดอยู่กับก้านขนตา  เวลาล้างก็จะไม่มีอาการแบบเหนียวๆ เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันมาก  ทุกคนควรมี  ต้องซื้อ!

มาต่อกันที่ที่ดัดขนตานะคะ  ใช้ของ Shiseido อันนี้ใช้มาประมาณปีนึงแล้วก็ยังใช้ดีอยู่  ยางยังไม่สึกไม่อะไรเลย  ยางอันใหม่ที่เค้าให้มาก็ทิ้งไปหมดแล้ว  หรือว่าเอาไปไว้ไหนไม่รู้จำไม่ได้  ดัดได้ดี เคิร์ฟตาดีเหมาะสมกับคนไทย

ส่วนมาสคาร่าก็ยังคงครองแชมป์อยู่  ก็คือ Maybelline Volum Express แย้ไม่แน่ใจว่าเค้าเปลี่ยนแพคเก็จหรือเปล่า  เพราะปกติจะมีสีชมพูแซมๆด้วย  รอบนี้มันกลายเป็นเงินดำซะอย่างงั้น  ก็ไม่เป็นไร  แต่ว่าคุณภาพก็ยังเหมือนเดิม  ต้องสี Very Black นะคะ  เรียกได้ว่าเป็นมาสคาร่าที่ดีที่สุดในปฐพี  เพราะว่าเป็นมิตรกับเราตอนล้างด้วย  ถ้ามาสคาร่าบางตัวดีก็จริงตอนใช้  แต่ว่าตอนล้างไม่ได้เป็นมิตรเลย  ซึ่งแย้แต่งหน้าทุกวัน  ถ้าเกิดแย้ต้องมานั่งล้างมาสคาร่าทุกวัน  ตาดำ  แพนด้าอีกก็ไม่ไหว   อันนี้ก็ยังมีอาการแพนด้านิดหน่อย  แต่ว่ามันเหมือนกับเป็นไฟเบอร์  ตอนล้างก็จะออกเป็นเส้นๆ  มันก็ทำให้เราล้างได้ง่ายขึ้น


ต่อมาเป็นบรรดาเขียนบนตาทั้งหลาย  อย่างแรกที่ใช้ประจำเป็นอายไลน์เนอร์หัวพู่กันของ Mille ตอนนี้ดีที่สุดเลย  สำดำสนิด  แต่สีจะไม่ด้าน  เป็นเหมือนเนื้อไฟเบอร์  เวลาที่ล้างออกจะล้างง่ายมากเพราะมันจะลอกเป็นแผ่นออกมา  อันที่สองก็ยังเป็น Mille เหมือนกัน  อันนี้เอาไว้เขียนใต้ตาสีดำค่ะ  ก็ดำสนิดจริงๆนะคะ  แล้วก็นุ่มเขียนง่ายเป็นเจล  ก็ได้ความดำจากสิ่งนี้นี่แหละ

ถัดมาสำหรับเขียนตาล่างฟรุ้งฟริ้งต้องยกให้ Bobbi Brown สี Champagne อันนี้ดีมาก  มันฟรุ้งฟริ้งมากเลย  ถ้าเกิดว่าเราทาไปแล้วปุ๊บ  อยากให้มันขาวกว่าเดิม  เราก็เอาอายชาโดว์สีขาวมุกลงทับไปได้  แล้วมันก็จะติดทนยาวนาน  สีผู้ดีมาก เลิศ


ปิดท้ายที่ลิปสติก  เอามา 3 ยี่ห้อด้วยกัน  อันแรกเลยที่เป็นสีนู้ดซื้อที่ Shephora ในอเมริกา  มีรุ่นพี่น่ารักคนนึงแนะนำมามันดีมาก  เอาไว้กลบสีปากจริงของเรา คนที่มีปัญหาริมฝีปากคล้ำ  อยากจะเขียนริมฝีปากแบบใหม่เลย  ใช้อันนี้กลบสนิดเลย  ถ้าใครไปอเมริกาก็ลองไปหาดู  แต่หายากนิดนึง  ตอนที่ไปซื้อคือ  เข้า Shephora ทุกสาขาก็ไม่มี  จนไปเจอที่สาขาถนน Hollywood นะคะถึงจะเจอ  หายากจริงๆ แต่ว่ามันจะค่อนข้างแห้งนิดนึง  แมตมาก  แมตได้อีก

ถัดมาสีนู้ดของ lime crime สี coquette นั่นเอง  ก็ยังเป็นสีที่ชอบอยู่เพราะว่า  ไม่ทำให้่ปากเราแห้ง  มันเป็นสีแมตก็จริงแต่มันชุ่มชื้น  กำลังดี  ทุกอย่างลงตัวมาก  สุดท้ายเป็นของ Bobbi Brown เป็นแท่งเอาไว้เหลา  นี่ก็คือข้อเสียของเค้านิดนึง  คือเราต้องมานั่งเหลา  แต่เนื้อดีมากนะคะ  ลองไปหาดูได้ฃ

หมดแล้วจ้า  ของที่แย้รักเลิฟ  ใช้แทบจะทุกวันตลอด 2 เดือน  หวังว่าคงจะถูกใจสาวๆนะจ้ะ  คราวหน้าหญิงแย้จะมาแชร์  รีวิวอะไรอีก  อย่าลืมติดตามกันนะจ้ะ  วันนี้ลาไปก่อน  สวัสดีค่ะ


ติดตามหญิงแย้ได้ทุกช่องทางที่
Blog :http://www.yaeuunws.com
Facebook : www.facebook.com/uunws
Instagram : yae_uunws
SocialCam : Yae_uunws
Youtube : www.youtube.com/user/YAEuunws
Pantip : นนทพรแย้
Jeban : Yaeuunws

รีวิว Dione สกินแคร์จาก Stemcell แก้ปัญหาผิวหน้าได้จริงหรือ

สวัสดีค่ะ  หญิงแย้มาแว้วววว  ใครเคยสังเกตบ้างว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แย้ไม่ได้ลงรูปหน้าสดเลยเพราะหน้าพัง!! โดยเฉพาะคางนี่มีทั้งสมรภูมิสิว ทั้งสิวเกิดใหม่ สิวตายแล้วทิ้งรอยแดงดำ แถมหนังยังเหี่ยวววววซะไม่มี  ซึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตอย่างหนักหน่วงและพักผ่อนน้อย  

และก่อนหน้านี้แย้ได้ไปลองซื้อ Estee Lauder Advanced Night Repair ที่คนเค้าบอกว่ามันสุดยอด มาลองใช้ดู  ปรากฎว่านางแพ้  แต่ก็ยังดันทุรังใช้ต่อ  ก็แพ้หนักขึ้นเรื่อยๆ  แต่พอหยุดใช้วันเดียว  หายแพ้เลย ก็เลยรู้ตัวการว่าแพ้อันนี้ เสียดายจุงเบย เอาเป็นว่าถ้าใครใช้ Estee Lauder Advanced Night Repair อยู่แล้ว  สนใจจะใช้ที่เหลือต่อก็ส่งหลังไมค์มาได้  แย้แจกเลย  เสียดายของ  ไม่งั้นก็เก็บไว้เฉยๆ  แต่ต้องบอกก่อนว่าคนที่ใช้นางแล้วดีก็มีเยอะนะครัช สงสัยแย้โดนเสตียรอยด์มาก่อน หน้าเลยพังง่าย ก่อนเริ่มอธิบาย หลายคนอาจขี้เกียจอ่าน เลื่อนลงไปล่างสุดแย้ทำ vdo ไว้ลองดูได้ขอรับ 


แย้ก็เลยเป็นสิวเต็มไปหมดเลย  โดยเฉพาะที่คางและจมูกเต็มไปหมดเลย  ซึ่งสิวที่คางของแย้มีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว  เป็นเกี่ยวกับฮอร์โมนด้วย  เป็นสิวอักเสบอันใหญ่มโหฬาร  แล้วรอยแดงก็หายช้าลงกว่าแต่ก่อนเยอะ  อายุก็ย่างเข้า 30 ดังนั้นเป็นสิวไม่เท่าไหร่  แต่รอยแดงรอยดำที่ยังอยู่  มันทำให้เราแต่งหน้าได้ไม่เนียน  เนื่องจากเราต้องเอาคอนซิลเลอร์กลบเป็นจุดๆ  ซึ่งในรูปเป็นตอนที่จางลงมากแล้ว  ซึ่งตอนที่พีคสุดๆก็ไม่อยากจะถ่ายหน้าสดลง  ต้องคอยเอาคอนซิลเลอร์แต้ม แฮะ แฮะ

ตั้งแต่ได้ลองใช้มาสักพักตอนนี้ไม่ต้องพึ่งคอนซิลเลอร์แล้ว  หน้าสดเลย  โชว์ผิวสด และยังมีรอยสิวที่ยังเหลืออยู่  แต่เรียกว่าจางลงม๊ากกกก   ต้องขอบคุณผลิตภัณฑ์เซ็ตนี้เลย  เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งเช้าและเย็น ชื่อว่า Dione ไดโอนี่  ตอนแรกแย้อ่านว่า ดีโอเน่ อ่านแบบฝรั่งเศสแต่ไม่ใช่นะแจ๊ะ  อ่านว่าไดโอนี่ นะจ้ะ  

ต้องบอกก่อนเลยว่าแบรนด์ Dione เป็นแบรนด์ที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ 100% และไม่ได้ใส่กลิ่น  ไม่ใส่สี  ทำให้ผิวที่แพ้ง่ายอย่างแย้  ซึ่งผิวเคยติดเสตียรอยด์มาก่อน  สามารถใช้ได้  และไม่แพ้  สิวไม่ขึ้น  เค้าเคลมว่าในเซรั่มและครีมมีส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากเสต็มเซลล์จากพืชมากกว่า 5 ชนิด(มากสุดเท่าที่แย้เคยเห็น) และสารสกัดเหล่านี้ถูกบรรจุในรูปแบบของไลโปโซม  ทำให้สารสกัดคงคุณภาพอยู่ได้  และสามารถซึมผ่านเข้าไปแตกตัวยังผิวหนังชั้นลึกได้ พูดง่ายๆว่า นางบำรุงผิวเราให้แข็งแกร่งจากภายในนั่นเอง

แล้วนางก็มีส่วนผสมอีกเยอะแยะ เช่นสาหร่ายสีแดง สาหร่ายสีน้ำตาล แพลงตอน นาโนไว้ท์ พิษงูสังเคราะห์ และอีกมากมาย  เยอะจริงๆ ซึ่งตรงนี้แย้ก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ว่ามันจะบำรุงได้แค่ไหน   นอกจากจะได้ทดลองใช้และดูผลลัพธ์เอง
ทางไดโอนี่เค้าได้เคลมหลายอย่างว่า  ของเค้าช่วยในเรื่องความขาวใส  Anti-aging ช่วยเรื่องรอยด่างดำ  ฝ้ากระ นู่นนี่นั่น  เรื่องสิว  กระชับรูขุมขน  แต่แย้ไม่ได้มีปัญหาอื่นนอกจาก เป็นสิว หน้าเหี่ยวแห้ง  และเป็นรอยด่างดำจากสิว (อันนี้หนักและเพลียสุดเพราะเป็นนานมากไม่หาย ไม่จาง ยิ่งแก่ยิ่งหายช้า) แล้วแย้ก็เริ่มทดลองใช้มาเรื่อยๆ
ข้างในก็จะเป็นขวดแบบนี้  เป็นขวดปั๊มทั้งหมด  แบบสุญญากาศ  ถือว่าเป็นข้อดี  ทำให้คุณภาพของครีมไม่เสื่อมและครีมก็จะไม่ได้รับเชื้อโรคจากมือของเรา  เวลาปาดครีมไปใช้  


แต่ว่าตัวแพกเกจเนี่ยเป็นสติ้กเกอร์แปะ  อาจจะดูไม่ไฮโซเท่าไหร่  สำหรับตัวกระปุก  และมีข้อเสียนิดนึง  คือตัวกระปุกมี Day Cream และ Night Cream อีก 2 ตัว  ซึ่งกระปุกเหมือนกันหมดเลย  ดังนั้นต้องเอาปากกาหัวม้ามามาร์คไว้ เพื่อแยกว่าอันไหนใช้ตอนไหน  จะได้ไม่ต้องมานั่งอ่าน  ส่วนเจ้าตัวเซรั่มจริงๆแล้วมีฝามาให้  แต่แย้ใช้จนมันหายไปแล้ว กร้ากๆๆๆ
มาเริ่มที่เซรั่มกันก่อน ชื่อทางการนางคือ Multi Bio Age - Defying Serum เซรั่มตัวนี้ใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอน  ก็เป็นขั้นตอนแรกของทั้งหมด  ใช้ประมาน 2-3 ปั๊ม  ทาหน้าและทาคอ  ถ้าใครงบน้อยก็ทาแค่หน้าพอจ้า  ตัวนี้จะแพงสุด 1,300 บาท  ตัวนี้มีส่วนผสมจากสารสกัดเสต็มเซลล์จากพืชมากกว่า 5 ชนิด  ก็เลยแพงสุดเลย  

ถัดมาเป็น Day Cream จ้า Brightening Day Spf 30 +++ กระปุกนี้น่าจะ 600 กว่าบาท  ราคาก็จะถูกลงมานิดนึง  ตัวนี้จะมีกันแดด Spf30 PA+++ กัน UVA,UVB,HEV รังสีที่ทำร้ายผิวของเราทั้งหลาย  จริงๆ Brightening Day Cream ตัวนี้  ไม่จำเป็นต้องวอร์มครีมก่อนที่จะทาลงไปบนหน้า  แต่ด้วยความที่ว่าเนื้อครีมมันค่อนข้างเกลี่ยยากนิดนึงสำหรับแย้  ก็เลยเอามาวอร์มที่มือก่อน  แล้วค่อยทาลงไป  แล้วหลังจากนั้นเราก็สามารถลง BB,CC ได้เลย  โดยที่รองพื้นก็เนียนไปกับหน้าดี

พูดได้ว่าครีมกลางวันไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการลงรองพื้นของเรา  แต่ว่าใครที่หน้าแห้งนิดนึง  ตัว Day Cream จะค่อนข้างแห้ง  ก็สามารถเอา Moisturizer อื่นๆมาใช้ร่วมด้วยได้  ก่อนที่จะลง Day Cream

มาที่ครีมกลางคืนกันบ้าง  ก็ลงเซรั่มเป็นตัวแรก  หลังจากนั้นก็ลง Regenerating Night Cream ตัวนี้เป็นตัวที่พีคนิดนึง  เพราะว่าแย้ชอบลักษณะตัวครีมของเค้า  เนื่องจากว่าเวลาปั๊ม  อาจจะต้องปั๊มสัก 2 รอบ  เพราะเนื้อครีมจะออกมายากกว่าตัวอื่นนิดนึง  ปาดออกมาแล้วก็วอร์มครีมบนมือก่อน  แล้วเราก็จะรู้สึกว่า  ครีมมันฟูขึ้นๆ  ตอนแรกเอาขึ้นมามันก็ไม่ได้เยอะอะไร  พอเราวอร์มแล้วมันก็จะฟูขึ้นมาเต็มมือเลย  แล้วเราก็เกลี่ยให้ทั่วหน้า  เหลือก็เอามาทาคอด้วยก็ได้  ตัวนี้จะมี Whitening,Arbutin,Vit C,Glutathione ช่วยในเรื่องความขาวใส  ขับไล่จุดด่างดำทั้งหลายออกไป  ช่วยให้ผิวของเราแข็งแรงขึ้น  ต่อต้านอนุมูลอิสระ  อะไรจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้  

Night Cream  ตัวถัดมาสุดท้ายแล้ว Radiant Intensive Night  ตัวนี้จะเป็นตัวหลักที่ให้ความชุ่มฉ่ำบนใบหน้า  ตัวนี้จะหอมมากเป็นกลิ่นแอปเปิ้ล  เค้าบอกว่าสารสกัดสเต็มเซลล์ที่มาจากแอปเปิ้ลนี่แหละ  ที่ได้รับรางวัลอะไรสักอย่าง  หน้าก็จะชุ่มชื้นมากๆ  แถมมี Deoxyarbutin ขาวไวกว่า Arbutin ธรรมดาถึง 350 เท่า! แล้วก็มีนมผึ้งด้วย  ยับยั้งไม่ให้เกิดสิว  สารสกัดมากมายจริงๆ พูดถึงพรุ่งนี้ก็ไม่หมด แฮ่! 

โฉมหน้าของ Night ครีมทั้งสองนาง  ทาตามนี้นะจ้ะ  จะได้ไม่สับสน

บางคนสงสัยว่าจะอุดตันรึเปล่า  บอกเลยว่าไม่อุดตันเลย  เวลาแย้ทาครีมเสร็จ  ทิ้งไว้สักพักแย้ก็จะทาแป้งฝุ่นเด็กก่อนนอน  เพราะว่าถ้านอนไปเลย  จะรู้สึกว่าเหนียวๆ  อาจจะมีฝุ่นผงในห้องนอนมาติด  ก็ลงแป้งฝุ่นก่อนนอนด้วยก็ดี  อันนี้เป็นความชอบส่วนตัว  ใครสามารถนอนได้เลยก็ไม่เป็นไร
สรุปกันแบบรวบรัดว่าแย้ใช้แล้วเป็นยังไง  หลังจากได้ทดลองกับตัวเองแบบจริงจัง  สิ่งแรกที่เห็นชัดที่สุดก็คือรอยแดงรอยดำจากสิว  โดยเฉพาะตรงคาง  ที่แย้และคนรอบข้างเห็นได้ชัด  คือมันจางลงจนไม่ต้องใช้คอนซิลเลอร์แล้ว  ลงรองพื้นบางๆก็เป๊ะแล้ว  รู้สึกชีวิตดีขึ้นเยอะ  แล้วที่รู้สึกทุกครั้งหลังใช้หลังจากตื่นนอนรู้สึกว่าผิวมันตึง  ไม่ได้ตึงแบบแห้งตึง  แต่รู้สึกว่าหน้าแข็งแรงขึ้น  และอัตราการเป็นสิวลดลง  เนื่องจากแย้นอนดึกและแอบดื่มบ้าง  รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นสิวแล้วหน้าก็ไม่โทรม

และผู้จัดการคนสวยของแย้ที่ร่วมทดลอง  นางก็บอกว่ารูขุมขนนางเล็กลง  แต่แย้เป็นคนรูขุมขนไม่กว้างอยู่แล้ว  ก็เลยไม่สามารถพิสูจน์ผลตรงจุดนี้ได้  ส่วนเรื่องผิวขาว  ยอมรับเลยว่าขาวขึ้นจริง  แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างด้วย  ถ้าไปตากแดดมากๆ ไม่ทากันแดดก็ดำ  ต้องดูแลอย่างอื่นด้วย  บางทีทาครีมอย่างเดียวก็เอาไม่อยู่นะจ้ะ  

ราคาอาจจะแรงไปสักนิด  อย่างเซรั่มราคาประมาณ 1,300 บาท ส่วนครีมประปุก 600 กว่าบาท  ถ้าซื้อ 3 กระปุกราคาก็จะลดลงมา  เรื่องราคาก็ลองไปดูที่เฟสบุ๊คของเค้านะจ้ะ  ถ้าใครงบน้อยหน่อย  แนะนำให้ลองซื้อเซรั่มมาลองก่อน  เพราะเซรั่มนางจะส่วนผสมแน่นที่สุด  ถ้าใครงบเยอะหน่อย  จัดเต็มไปเลยจ้า!! รับรองฟินเฟร่อ  แนะนำเลย  ปกติแย้จะไม่ค่อยกล้าแนะนำอะไรขนาดนี้เท่าไหร่  แต่แย้เห็นผลเองจริง  แนะนำจริงๆ ยืดอกพกถุงเลย 5555+ เกี่ยวอะไรแว๊!!

นี่คือสภาพหนังหน้าที่เอามาเปรียบเทียบให้ดู  ครึ่งหน้าลงรองพื้น  อีกครึ่งนึงเปลือย  รองพื้นที่แย้ใช้เป็นของ Laneige BB Cushion ลองลงให้เห็นหน้าสดกับหน้าลงรองพื้นก็ไม่ได้ต่างกันมากเหมือนเมื่อก่อน  เพราะช่วงที่ผิวมีปัญหา  จะต่างกันมากๆ แต่ตอนนี้ไกล้เคียงแล้ว  สุขภาพผิวดีขึ้นจริงๆ  และลงรองพื้นติดหน้าดีขึ้น  อยู่ทนนานขึ้น  พอพูดถึง Cushion แย้ได้ลองมาหลายยี่ห้อ  ทั้ง Etude,Laneige,Sulwhasoo ก็ดีหมดทุกยี่ห้อเลย  ได้ผลใกล้เคียงกัน  แย้คิดว่าที่ดีเพราะว่าพัฟมันดี  สามารถเกลี่ยรองพื้นได้ดี  แย้ก็ลองเอารองพื้นอันอื่นมาใช้กับพัฟอันนี้  ปรากฎว่าดีเหมือนกัน  แสดงว่าจุดขายบรรดา Cushion อยู่ที่พัฟนั่นเอง

ไหนๆแล้วก็แต่งหน้าต่อให้เสร็จกันเลยจ้า  ต่อมาลงคอนซิลเลอร์  ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ซื้อจากญี่ปุ่น  ใช้เบอร์ 1 ก่อน  แล้วตามด้วยเบอร์ 2 และใช้พัฟจากเจ้า cushion นี่แหละ 
ตบๆ แล้วก็จะเนียนมาก  ปัญหาใต้ตาของแย้นี่แก้ไม่ได้เลยจริงๆ  เนื่องจากภูมิแพ้ด้วย  คิดว่าในอนาคตแย่ลงกว่านี้คงจะไปฉีดฟิลเลอร์แล้ว  ใครรู้สามารถแนะนำได้นะคะ

 หลังจากนั้นลงแป้งฝุ่น  แล้วก็พบว่าหน้าเรามันวอกมาก  เทียบกับคอแล้ว  เทียบกับคำกล่าวที่ว่าสาวไทย  เป็นคนผิวสองสีจริงๆ  หน้าสีนึง คอสีนึง เย้ย! ต้องบอกสาเหตุที่แย้ลงหน้าขาวขนาดนี้เพราะว่าแย้เผื่อเอาไว้สำหรับการเฉดดิ้ง  เผื่อเอาไว้  เพราะเวลาลงเฉดดิ้งสีจะเข้มลงมาประมาณ 2 เสต็ปได้  เลยลงให้ขาวไว้ก่อน  แล้วดรอปลงมาด้วยบรอนเซอร์  ใช้ของ Mac นะคะ  อันนี้จะดีที่สุดเลย  เพราะมันไม่ค่อยหลอก  จะออกไปโทนเหลืองเข้ากับคนสีผิวของคนเอเชีย

แต่ถ้าจะไลท์จมูกต้องเปลี่ยนอันเป็นของ The Balm เป็นบรอนเซอร์ของเค้า  สีจะค่อนข้างเข้มมาก  เวลาใช้อาจจะต้องเบามือหน่อย  ก็เอามาไลท์ดั้ง  แล้วก็ทาเปลือกตา  ให้ตาไม่ดูบวม

หลังจากนั้นใช้ที่เขียนคิ้วของ Mille ถือว่าใช้ได้ทีเดียว  จะมีรุ่นใหม่โอเคมากเลย  ทำออกมาดีกว่าเดิม  มันจะมีสีเข้มกับสีอ่อน  แนะนำสีเข้มละกัน  เพราะสาวๆส่วนใหญ่คงผมสีเข้มกัน หน้าเราจะได้ไม่ซีดด้วย  

และตัวนี้เป็นบรัชออนนำเข้าจากประเทศอะไรไม่รู้  มีคนส่งมาให้  สีสวยดี  แย้จะใช้ทั้ง 2 สีเลย  ทาลงบนโหนกแก้ม  ก็จะได้แก้มที่ฉ่ำวาว  เกาหลี ไม่แดงจนเกินไป

แล้วก็เขียนขอบตา Inner Liner จาก Maybelline นิวหยวก 5555+ จะไม่ค่อยเจลเท่าไหร่  ยังมีความเป็นดินสอ  อาจจะต้องฝนหลายๆรอบหน่อย  แต่มันก็จะไม่เลอะดวงตาของเรา ให้ตาดูคมเข้มขึ้น

เนรมิตตาให้สวยเด้งยิ่งขึ้นจากอายชาโดว์พาเลตของ MTI ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อ Mat แย้จะชอบใช้ที่เป็นเนื้อด้านมากกว่า  และมาสคาร่าของ L’oreal ได้รับฟรีมา  ปัดมันมาก  ขนตาสปริงดี  แต่ปัญหาอย่างนึงคือล้างยาก  ล้างไม่หมดตาเป็นแพนด้าต่อเนื่องยันเช้า

สุดท้ายท้ายสุด  ลิปสติกนั่นเอง  แรกเลยลง Lime crime สี Coquette เป็นพื้นก่อน  และก็ลงสี Beautiful Rocket สีส้มจี๊ดลงไปด้านใน  และเอานิ้วเกลี่ยอีกที  ก็จะได้สีปากแบบนี้เลย  

จบแล้วจ้ารีวิวทั้งสกินแคร์และแต่งหน้าแบบจัดเต็ม  ปิดท้ายด้วย Finish Look จากกล้อง Sony Nex5T และ  Iphone6 ถือว่ารีวิวกล้องไปด้วยเลย  ฮ่าๆ และ ขอบคุณมากๆสำหรับการติดตามในวันนี้จ้า  ลาไปก่อน  สวัสดีค่ะ



ติดตามหญิงแย้ได้ทุกช่องทางที่
Blog :http://www.yaeuunws.com
Facebook : www.facebook.com/uunws
Instagram : yae_uunws
SocialCam : Yae_uunws
Youtube : www.youtube.com/user/YAEuunws
Pantip : นนทพรแย้
Jeban : Yaeuunws

 
หญิงแย้ © 2014 | Designed by Janenipa.com