หญิงแย้ ตะลุยแดนอเมริกา ตอนที่ 2

สวัสดีค่ะ  มาต่อกันแล้วสำหรับ  หญิงแย้พาทัวร์  ตะลุยอเมริกา  จากตอนที่แล้วที่แย้พาไปเที่ยว San francisco และ Las Vagas กันไปแล้ว  เรามาเที่ยวอเมริกากันต่อนะจ้ะ  

เราไปต่อกันที่รัฐ Arizona ไป Grand canyon มาที่ีนี่ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจาก  หิน หน้าผา หน้าผา หิน หิน  ก็คือที่นี่เลยเป็นแม่น้ำมาก่อน  แล้วทีนี้แผ่นดินยกตัวขึ้นมาก็เลย  กลายเป็น Grand canyon อย่างที่เราเห็นนี่เอง 


ซึ่งจริงๆแล้ว  เราแค่ไปถ่ายรูปข้างบนก็สวยแล้ว  แต่ทางทัวร์เค้าอยากจะให้เราโปรแกรมแน่น  เค้าก็เลยพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์  ไปปล่อยลงข้างล่าง  เพื่อที่จะไปล่องเรือที่แม่น้ำ Colorado ก็ไม่มีอะไรเลย  มันไม่ได้สวยหรืออะไรเท่าไหร่
แอบมีภาพถ่ายกะแกรนด์แคนยอนเมื่อ 14 ปีที่แล้ว หน้าอย่างฮา สมัยยังเอ๊าะๆ
   


จริงๆถ้าเราได้มีโอกาศมาที่ Grand canyon แค่ถ่ายรูปข้างบนก็พอแล้ว  ไม่จำเป็นต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์  หรือมาลงน้ำ  เพราะขึ้นเฮลิคอปเตอร์เสียวมาก  คือคนขับแอบกวนนิดนึง  เห็นเรากรี๊ดแล้วนางดีใจงี้  นางก็ยิ่งขับหวาดเสียว  เครื่องก็สั่น 


หลังจากนั้นเราก็มากินเทปันยากิ  ในร้านดังที่ LA นั่นเอง  จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว  แต่ก็ไม่ได้อร่อยอะไรมาก  ก็ตามภาษาเทปันยากิ  มันสำคัญที่ลีลาของพ่อครัวที่มาทำให้มากกว่า  ลีลานี่เด็ดจริงอะไรจริงนะจ้ะ  มีการเอาหัวหอมมาทำเป็นรถไฟปู๊นๆด้วย  ตลกดี




วันรุ่งขึ้นก็มาเดินเล่นที่ย่านช็อปปิ้งของ LA ส่วนชื่อห้างจำไม่ค่อยได้ ก็มี victoria secret, Sephora, แล้วก็มีซุปเปอร์มาเก็ตยี่ห้อ Target  


และก็มาทานขนมกันที่ Cheesecake Factory ก็สั่งเป็นชีสทอด  แล้วก็สั่งของดังของเค้าชีสเค้ก  เปิดมาหน้าแรกก็จะเจอ Recommend เมนู  ก็สั่งมาลองเลยจ้า  ชีสเค้กที่นี่  รสชาติชีสเค้กของที่นี่สุดติ่งทุกที่  ไม่มีร้านไหนที่แพ้กันเลย  คืออร่อยทุกร้าน  ชีสเค้กที่นี่เหมือนเค้าจะใส่ผง Cinnamon นิดๆ มันทำให้ชีสเค้กของเค้า  มีรสชาติมีกลิ่นเฉพาะของเค้า


และที่แปลกใจมากนั่งรถจาก Las Vegas มาที่ LA ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. แต่อากาศแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  ที่ Las Vegas หนาวมาก  กลางคืนนี่ประมาณ 10 องศา  แต่ที่ LA คือร้อนประมาน 29-30 องศา สังเกตคือแย้ใส่แค่เสื้อสายเดียวตัวเดียวก็ไม่ไหวแล้ว  ร้อนจริงๆ

เมื่อวานก่อนที่จะมาย่านช็อปปิ้งนี้หลังจากที่ไป Grand Canyon มาก็ได้มาโอกาศมา Outlet ที่มีชื่อว่า Desert hills premium outlets เป็น outlets ที่ีมีร้าน Coach ใหญ่มาก  ราคาก็ถูกมากถ้าเทียบกับในเมืองไทย

แล้วก็มีร้านเครื่องสำอางเล็กๆ  แต่ของข้างในถูกมาก  อย่างลิปสติก Mac แย้ซื้อมาในราคาไม่ถึง 400 บาท เพียง 300 กว่าบาทเท่านั้นเอง  มีหลายสีให้เลือกด้วย  รวมไปถึงเครื่องสำอางยี่ห้ออื่นๆเยอะแยะมากมาย  ถ้าเกิดเป็นแบรนด์ของอเมริกาเองก็จะถูกมากเลย  ส่วนแบรนด์ยุโรปก็จะแพงมาก

ที่อเมริกาแต่ละรัฐเค้าจะเก็บภาษี  อย่างเช่นเราไปห้างสรรพสินค้า  ไปซื้อของใช้ต่างๆ พอคิดงเินเสร็จ  เค้าก็จะคิดภาษีบวกอีก 7-10% แล้วแต่รัฐ ซึ่งทำให้ข้าวของที่นี่ราคาสูงมาก


กลับมาเที่ยวกันต่อที่ Universal Studio สิ่งแรกเลยที่ทุกคนแนะนำก็คือให้เล่นเครื่องเล่นนี้ก่อนก็คือ Studio Tour นั่นเอง  มันก็ไม่ใช่เครื่องเล่นหรอก  เค้าก็จะพาทัวร์รอบ Studio ว่าเป็นยังไงบ้าง  มีหนังเรื่องอะไร  สถานที่ที่เค้าถ่ายทำกัน  เค้าสร้างเมืองจำลองขึ้นมาเพื่อถ่ายทำหนังเลย  มีหลายๆเรื่องเลย  แต่ว่าไม่ได้ถ่ายรูปมา ที่นี่มี ขนม Churrosด้วยแต่ อร่อยสู้ที่เกาหลีไม่ได้


พูดถึงเครื่องเล่นที่นี่ที่เสียวๆจะไม่ค่อยมี  ตื่นเต้นสุดก็น่าจะเป็น Mummy คล้ายๆรถไฟตะลุยจักรวาล  คือรถไฟเข้าไปในที่มืดแล้วก็วิ่งๆๆ เสร็จปึ้ง! รถถอยหลังเฉยเลย กลับมาที่เดิม  แต่ก็ไม่ได้เสียวเท่าไหร่  เพราะเคยไปเล่นที่ Universal สิงคโปร์ เหมือนกันเลย  แต่ที่สิงคโปร์เสียวกว่า


อีกอันนึงที่สนุกเหมือนกันกับสิงคโปร์ก็คือ Transformer เหมือนกันเลยทุกประการ  สนุกเหมือนกัน

ถัดมาที่เป็น 4D เหมือนกับ Transformer ก็คือเจ้าตัวเหลือง Minion The Despicable Me นั่นเอง  ที่นี่คนบ้า Minion เยอะมาก  ก็สนุกดี  เด็กๆน่ารักๆ เป็นเครื่องเล่นแบบ Simmulator  



ตามมาด้วยการแสดง Water World  ไม่ได้ถ่ายรูปมา  ก็เหมือนกับเมืองไทยเลย  มีพระเอกนางเอกเล่นกัน  เอาน้ำมาสาดใส่คนดู  แล้วพอที่นี่ตกเย็นแล้วอุณหภูมิเหลือ 20 ต้นๆเท่านั้น  ก็จะหนาวกันไป  ก็เอาน้ำมาสาดคนดู  ก็สนุกดี  แต่เนื้อเรื่องก็จะเหมือนกับของไทยนี่แหละ  เล่นกันทั่วโลกจริงๆสำหรับ Water World 
วันรุ่งขึ้นเราก็มาขึ้นเขา  เพื่อที่จะมาถ่ายภาพคู่กับป้าย Hollywood ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ Landmark ของ LA เนื่องจากว่าเป็นเมืองที่ดาราฮอลลิวูตอาศัยอยู่เยอะมาก  ปรากฎว่าพอมาถึง  ป้าย Hollywood ใหญ่มากจ้า  เชมือบเข้าไปได้เลยทีเดียวอย่างที่เห็นในรูป


แล้วก็ร้อนมากๆ ต้องมานั่งหลบแดดข้างถังขยะแบบนี้  เพราะว่าไม่มีอะไรบังแดดทั้งสิ้นเลย  ชีวิตช่างแสนเศร้า  หลังจากนั้น  ก็มาที่ถนน Hollywood ดารา Hollywood ก็จะมาแปะมือแปะเท้ากันที่นี่  Chinese Theater แผ่นที่แย้ไปถ่ายรูปด้วยก็จะมีนักแสดงจาก The twilight saga  และอีกอันนึงก็ Harry Potter ลองดูเท้าใครเป็นเท้าใคร  มือใครเป็นมือใครละกันจ้า


บรรยากาศก็จะเป็นแบบนี้  แล้วก็มีของให้ช็อปปิ้งด้วย  แม้กระทั่งเป็นวัน  Thanksgiving day ตรงนี้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ยังเปิดอยู่  แล้วก็ไปทานอาหาร ณ ร้าน Hard Rock Cafe เป็นครั้งแรกในชีวิต


จานแรกเป็นสลัด  และจานที่สองเป็น Main Cause เลย  ที่นี่เค้าจะไม่เสิร์ฟซุปนะจ้ะ  ถ้าเป็นที่ยุโรปก็จะมีซุปด้วย  แต่อันนี้สลัดแล้วมา Main Cause เลย  Main Cause  ก็จะมีให้เลือก ซี่โครงหมูบาร์บิคิว ซึ่งอร่อยสุด  แล้วก็สเต็กเนื้อนิวยอร์ค อันนี้ก็อร่อยเหมือนกัน  เนื้อที่เมืองนอกจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเหนียว  เท่ากับที่บ้านเรา  แต่ต้องสั่งให้ดีเช่น Medium ซึ่ง Medium ของบ้านเค้ายังเลือดซิบๆอยู่เลยนะ  ลองดูดีๆ ส่วนมากคนไทยจะถนัด Well Done มากกว่า



แล้วก็ยังมีไก่บาร์บิคิวแบบมาทั้งตัวด้วย  ที่นี่อาหารทุกอย่างจะ Oversize คนไทยไปหมดเลย  แต่ถ้าเป็นคนที่นี่จริงๆเค้ากินกันหมด  แต่คนไทยกินได้แค่ประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้นเอง


แล้วเราก็เดินทางมาที่ย่านคนรวย Beverly Hills ที่นี่ก็มีการถ่ายทำหนังหลายเรื่องแล้ว  แต่ก่อนรถบัสของนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปวนดูเล่นในหมู่บ้านได้  แต่ตอนนี้เค้าไม่ให้เข้าแล้วเพราะทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้อาศัยเสียไป  ตอนนี้เหลือแค่มานั่งถ่ายรูปหน้าหมู่บ้านเท่านั้น  ซึ่งจริงๆแล้วโปรแกรมทัวร์อันนี้น่าจะโดนตัดไปได้แล้ว  เพราะว่าไม่มีอะไรเลย


เวลาเหลือเยอะมาก  เพราะว่าวันนี้เป็นวัน Thanksgiving day พวกร้านต่างๆเค้าก็ปิดกันไปซะเยอะ  ก็เลยมาแวะที่ชายหาดของ LA ชื่อ Santa Monica นั่นเอง  บรรยากาศก็โอเค  ท้องฟ้าสีส้มเชียว  มืดแล้ว  ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกกับเพื่อนๆร่วมทริป  และสปอนเซอร์ของเรา


ได้เวลากลับแล้วจ้า  ขามาแย้นั่งแบบ Premium Economy รู้สึกว่ามันไม่ต่างกับ Economy ธรรมดาเลย  ขากลับก็เลยตัดสินใจอัพเป็น Business แค่รูทเดียวก็คือจาก LA ไปฮ่องกง  ส่วนฮ่องกงมาเมืองไทยก็เป็น Economy ก็เพิ่มเงินประมาณ 7 หมื่น 5 พันกว่าบาท  ก็ได้เป็น Business มา  แต่รู้สึกว่าคุ้มค่ามาก  เพราะเราสามารถเอียงตัวนอนได้ 180 องศาจริงๆ  ถ้าสมมุติว่าเป็นการบินไทยบางลำ  จะเอียงได้แค่ 70 - 80 ถ้าเอียงได้แค่นั้น  ตัวเราจะไหลลงมา  แล้วจะนอนไม่สบาย  แต่อันนี้นอนเหมือนเตียงที่บ้านเลย  Business เค้าก็จะเป็นคอกๆ อยู่อย่างมีความสุขเพลิดเพลิน  แต่ว่าอาหารไม่ค่อยเท่าไหร่  สู้การบินไทยไม่ได้
  

จบแล้วจ้า!  ทริปหญิงแย้ตะลุยอเมริกา  สนุกกันมั้ยจ้ะ  ใครที่กำลังกาข้อมูลไปเที่ยว  หรือหาทัวร์อยู่ก็ดูของแย้เป็นการเปรียบเทียบก็ได้  เที่ยวครั้งนี้สนุกมากๆ แล้วก็ดีใจที่ได้เอามาแชร์ให้เพื่อนๆได้ดูกันด้วย  ขอบคุณสปอนเซอร์ Kiss of Beauty ที่ให้แย้ไปเที่ยวอเมริกาครั้งนี้คะ  อย่าลืมติดตามหญิงแย้พาเที่ยวครั้งหน้ากันด้วยนะจ้ะ


ติดตามหญิงแย้ได้ทุกช่องทางที่
Blog :http://www.yaeuunws.com
Facebook : www.facebook.com/uunws
Instagram : yae_uunws
SocialCam : Yae_uunws
Youtube : www.youtube.com/user/YAEuunws
Pantip : นนทพรแย้
Jeban : Yaeuunws

5 ความคิดเห็น :

 
หญิงแย้ © 2014 | Designed by Janenipa.com