หญิงแย้ ตะลุยแดนอเมริกา ตอนที่ 1

Hello! สวัสดีจ้า  หญิงแย้พาทัวร์กลับมาอีกครั้ง  ทริปนี้แย้จะพาไปโกอินเตอร์กันที่ประเทศสหรัฐอเมริกิ้ว เอ้ย! สหรัฐอเมริกา  มาทัวร์กันที่อเมริกาตะวันตก  ซึ่งแย้เคยมาเมื่อนานมากแล้ว  เมื่อปี 2000 ก็ 14 จะ 15 ปีแล้ว  หญิงแย้ก็เลยกลับมาเยิือนอีกครั้ง  กับโปรแกรมทัวร์ที่เรียกว่าเหมือนเดิมเป๊ะ ! ทริปนี้ Kiss of Beauty เป็นสปอนเซอร์ให้ค่ะขอบคุณมากๆๆๆ


ครั้งนี้บินกับ Cathay Pacific ไปลงที่ฮ่องกง  และมาลงที่ San francisco ใช้เวลาจากเมืองไทยไปยังฮ่องกง  ใช้เวลา 2 ชม. 45 นาที และจากฮ่องกงไปซานฟรานประมาณ 12 ชม. รอบนี้ไม่ได้นั่ง business เพราะแพงมากเลยนั่ง premium eco เพิ่มเงิน 170,000฿ (ได้ 3 เที่ยวคือ Bangkok - Hongkong , Hongkong - San francisco , LA - hongkong )   อย่าไปเสียตังค์แบบแย้เด็ดขาดเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์ แทบไม่ต่างกับ economy ปกติเลยเบาะที่นั่งแย้เสียเอียงได้ครึ่งนึงของเบาะปกติเซ็งมากๆๆห้ามนั่งพูดเลยย   ไม่ได้นอนทั้งไฟลทค่าาา


ลงเครื่องมาก็เจอบ้านเรือนของคนที่นี่  ก็จะเป็นบล็อกๆน่ารักๆ แต่ว่าถ้าอยู่ในชนบทนิดนึงเค้าก็จะทำบ้านหลังใหญ่ขึ้น  จะสวยมาก  ไม่มีรั้ว ไม่มีเหล็กดัด  ทำให้เราเห็นได้ว่า  ที่นี่ปลอดภัยค่อนข้างมากเลยทีเดียว


พอลงเครื่องก็มาทานอาหารมิ้อแรกของที่นี่ีกัน  เป็นร้านอาหารจีนแบบทัวร์ลง  ตอนแรกนึกว่าจะรสชาติไม่อร่อย  แต่ปรากฎว่าอร่อยเฉยเลย  เค้าทำรสชาติจัดมาก  เสิร์ฟมาเป็นกับข้าว  แล้วก็ข้าวสวย  มีกุ้งมังกร  ผัดผัก ปลาอะไรสักอย่างนึ่งซีอิ๊ว  อีกหลายอย่างเลย  สรุปว่าผ่าน  อร่อยดีจ้า


หลังจากนั้นก็มาที่สะพาน Golden gate และรถเมล์ 2 ชั้นนี้ก็คล้ายๆกับที่อังกฤษจะขึ้นมี 2 ชั้นแบบ open air เป็นรถซิตี้ทัวร์นั่นเอง  ฝั่งที่แย้มาจะเป็นฝั่งที่อยู่ซานฟราน  ก็จะเห็นเป็นจุดชมวิวที่สวยกว่า  เพราะว่าสะพาน Golden gate จะทำมุมแนวทแยงกับเรา


นี่เค้าก็เอาขนาดของลวดสะพานแขวนมาโชว์ให้เราดู  ก็ใหญ่โตและแข็วแรงมาก  สะพาน Golden gate จะมีการทาสีใหม่ทุก 10 ปี  เวลาที่เรากลับมาทุก 10 ปีก็จะสวยเหมือนเดิม  และกล้องส่องทางไกล  ก็เป็นปกติของที่ท่องเที่ยวที่จะต้องมี


และมาต่อกันที่ Civic Center ตรงนี้เป็นย่านที่ทำการของรัฐบาลและศูนย์ราชการต่างๆ ซึ่งถ้าเกิดไม่ใส่โอเวอร์โค้ทขนาดนี้  อาจจะเข้าใจได้ว่าถ่ายที่พระที่นั่งพระที่นั่งอนันตสมาคมก็เป็นได้  และมีอนุสาวรีย์ในย่าน Civic Center สัญลักษณ์ของที่นี่


พอตกกลางคืนปุ๊บเราก็ไปเดินช็อปปิ้งกันที่ Union square เสมือนกับสยามเซนเตอร์บ้านเรานี่เอง  ก็จะมีแบรนด์เนมต่างๆที่เป็น Street Brand ไม่ใช่ Hi end ส่วนราคาของที่นี่  แพงมากกกก  พอเราซื้อเสร็จปุ๊บ  ตอนจ่ายตังเค้าถึงจะบวกภาษีเข้าไปอีก 7% หรือแล้วแต่ร้าน  บางร้านก็อาจจะบวกเยอะกว่านั้นหรือน้อยกว่าก็มี


ผลไม้ที่นี่ก็ราคาสูงมาก  ราคา 100-200 หมดเลย  ราคาอยู่ที่ประมาณ 3-4 เหรียญ  คือราคาที่อยู่ในร้าน Wall Green ร้านนี้ก็จะคล้ายกับ Max value อะไรพวกนี้ของบ้านเรา  ในร้าน WallGreen มีที่ทาเต่าแบบ dry stick น่าซื้อมาก  ที่ไทยไม่ค่อยมี dry stick ดังนั้นใครชอบต้องจัดดด  ที่สำคัญมีป็อกกี้แบบไทยแลนด์  ป็อปคอร์นอันนี้แซปมาก  ควรแก่การกิน



ส่วนนี่เป็นบันไดเลื่อน  มันเจ๋งมากเพราะมันเป็นบันไดเลื่อนแบบโค้งๆ แปลกดีไม่เคยเห็นมาก่อน  ก็เลยถ่ายรูปมา บันไดเลื่อนโค้งน่ี้อยู่ในห้าง Westfield San Francisco Centre 


นี่คือร้านที่มาทานอาหารเย็นกันที่ร้าน Buca di seppo italian restarant จะเป็นอาหารอิตาเลี่ยนทั้งหมด  เป็นพวกพิซซ่า สปาเกตตี้  ก็สั่งเป็นครอสมา  ตอนแรกเข้าใจว่าน่าจะมีซุปด้วย  ปรากฎว่าไม่มีซุปนะจ้ะ  เป็นสลัดมาเลย



ส่วนจานนี้คือมักกะโรนีอบชีส  ในซอสมะเขือเทศ  จริงๆแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบมะเขือเทศเท่าไหร่  แต่ก็กินๆไปเถอะ  ตามด้วย เฟตตูชินี่ซอสขาว  รสชาติก็จืดๆ ต้องใส่พาเมซานชีสผงที่เค้าวางไว้บนโต๊ะเข้าไป  เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติ


และนี่ก็คือ Main Cause เป็นไก่ชุบแป้งนิดๆ ทอด แล้วก็เอามาใส่ในน้ำที่คล้ายๆซีอิ๊ว  แต่อธิบายไม่ถูก  ก็อร่อยดี  เป็นชิ้นอกไก่แล้วก็โรยเห็ดเห็ดชองปิญองมา  จานนี้รสชาติใช้ได้เลย ปิดท้ายด้วยของหวาน  ชีสเค้กที่เด็ดสุดยอด  ชิ้นใหญ่มาก  แต่กินหมดเลย เพราะมันอร่อยมาก  อะไรมันจะอร่อยขนาดนั้นบรรยายไม่ถูก


โชคดีมากๆที่ รร ที่นอนอยุ่ใจกลาง Union Square เลย โรงแรมที่ไปพักก็คือ Hilton San Francisco Union Square  โรงแรมดีมาก ใหญ่โต ในห้องนอนก็ใหญ่มาก  รวมห้องน้ำประมาณ 40 ตรม. ได้  มีเตียง queen size. 2เตียง นอนแบบฟินๆกันไปเลยคืนนี้


สำหรับวันที่สองมาที่ ล่องเรือชมอ่าวซานฟรานซิสโก เกาะอัลคาทราซ Fisherman Wharf ท่าเรือ 39  เป็นท่าเรือที่พานักท่องเที่ยวล่องเรือไปตามอ่าวและไปลอดที่ใต้สะพาน Golden gate แล้วก็วนกลับมา  แล้วก็ไปเทียบเรือที่เกาะอัลคาทราซ


ตรง Fisherman Wharf ท่าเรือ 39 ก็จะมีพวกตลาด  ร้านค้าต่างๆสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเยอะแยะเลย  น่ารักมากๆมีทั้งร้านเสื้อผ้า  ร้านขายขนม  ร้านขายของที่ระทึก เอ้ย! ระลึกทั้งหลาย  และร้านอาหารบรรยาการศดีๆ นั่งชิว ดื่มไวน์อะไรพวกนี้ด้วย


ส่วนขนมยาวๆที่แย้กำลังอ้าปากกินอยู่  คือขนม Churros ซึ่งเป็นขนมที่ปกติ  เราจะไปเจอตาม Disney land แต่ว่าเค้าจะไม่ได้ทำเป็นเกลียวแบบนี้  แต่ความพิเศษของที่นี่คือเค้าทำให้เป็นเกลียว  รู้สึกว่าน่ากินมากก็เลยซื้อมากิน  ปรากฎว่ารสชาติโหลยโท่ยมาก เหมือนไม่ได้ปรุงอะไรเลย  คือรสชาติแย่มากแต่ที่อื่นอร่อยนะ  ที่ Universal สิงค์โปรก็อร่อย  แต่ที่นี่รสชาติไม่ไหวเลย


และมาทานอาหารที่ร้าน Swiss Louis เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน  เริ่มต้นด้วยไวน์แดง  รสชาติก็โอเค  จานแรกมาเป็นซุป  เค้ามีให้เลือก 2 ซุป เป็นซุปหอยลายเป็นซุปครีมสีขาว  และซุปมะเขือเทศ  และซุปมะเขือเทศอันนี้  เหมือนกับคนอเมริกันชอบกินเปรี้ยวจี๊ด  รสชาติอาจจะรุนแรงไปนิดนึง  ใครเป็นโรคกระเพราะอาจจะถึงกับปวดท้องได้


ตามมาด้วยสลัด  มีซอส Thousand Island และในขณะเดียวกันก็ใส่ Vinegar ลงไปด้วยเป็นน้ำส้มสายชูของอเมริกัน  ซึ่งรสชาติของเค้าจะต่างจากของบ้านเรา  อร่อยกว่า  ส่วน Main Cause ของมื้อนี้มีให้เลือก 3 อย่างด้วยกัน  อย่างแรกคือปู อันที่ 2 คือปลา อันที่ 3 คือ ไก่กับสปาเกตตี้  ซึ่งปูเปิดกระดองออกมาเล็กนิดเดียว  มีเนื้่ออยู่หน่อยเดียว  แต่เห็นเพื่อนๆทุกคนบอกว่า  รสชาติอร่อยดี  


และที่สำคัญร้านนี้น่าสงสารมาก  จริงๆแล้วพอเราเห็นอาหารแบบนี้แล้วเราควรจะจิ้ม  น้ำจิ้มซีฟู้ด  แต่ปรากฎว่าร้านนี้  เชฟเค้าสั่งเลยว่า  ห้ามเอาน้ำจิ้มมาจิ้มเอง  เค้าบอกว่าอาหารของเค้าอร่อยมากอยู่แล้ว  ห้ามนำน้ำจิ้มมาจิ้ม  ก็เลยไม่มีการแจกน้ำจิ้มเกิดขึ้น


จานถัดมาคือปลา  เป็นปลาอะไรไม่รู้ตัวใหญ่มาก  ปรากฎว่าสิ่งที่น่าแปลกอย่างนึงก็คือ  เค้าเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม  คล้ายๆกับน้ำจิ้มไก่เลย  เป็นแบบหวานนำแล้วก็เปรี้ยวนิดเดียว  ไม่เผ็ดไม่อะไร  กินกับปลาก็แปลกๆดี  แล้วก็มีมันฝรั่ง  รสชาติค่อนข้างใช้ได้  ส่วนข้างบนที่เป็นเส้นๆก็คือ  ปลาหมึก Calamari อันนี้อร่อย


จานสุดท้ายเป็นไก่  ไก่ที่นี่ไม่รู้เค้าเอาไปแช่โค้ก แช่โซดามารึเปล่าไม่รู้  เพราะเนื้อนิ่มแบบนิ่มมากกก  คือหั่นปุ้บหลุดเลย  เวลาเคี้ยวไม่เหมือนเคี้ยวไก่  เหมือนเคี้ยวปลา  แต่ว่าไม่อร่อย  อ่าว..


และห้องน้ำสาธารณะของอเมริกาจะมีปัญหาอย่างนึง  สำหรับคนไทยก็คือทุกที่เลย  ไม่ว่าจะในปั้ม  ห้างสรรพสินค้า  หรือโรงแรม  รูปนี้ถ่ายที่สนามบิน LA ซึ่งห้องน้ำจะมีห้องว่างระหว่างประตูกับตัวโครงห้องน้ำค่อนข้างเยอะมาก  เพื่อที่ว่าคนข้างนอกจะได้เช็คว่าข้างในมีคนอยู่รึเปล่า  หรือข้างในทำอะไรรึเปล่า  ก็คือมันเป็นเรื่องของความปลอดภัยนั่นเอง  แต่ว่าความเป็นส่วนตัวในการทำธุระก็หายไป  คือเรียกว่าเดินผ่าน  แล้วถ้าจ้องไปคือเห็นหมดเลย  เพราะว่ารูมันกว้างมาก



หลังจากนั้น  เราก็ขึ้นเครื่องบิน  สายการบิน United Airline เป็นเครื่องบินที่ชั้น Economy สบายมากๆเพราะมีพื้นที่ระหว่างเบาะค่อนข้างเยอะ  ทำให้เราสามารถเหยียดขาได้เต็มที่  ซึ่งเป็นสายการบินที่เหมาะกับชาวอเมริกันมาก  ที่มีปัญหาสูงยาวเข่าดีเหลือเกิน  แต่เป็นการบินที่เวียนหัวสุดๆเลย  เค้าขับได้เวียนหัวมาก  ใครที่มีปัญหาแบบแย้ก็ลองมาแชร์กันดูว่า  เวียนหัวเหมือนกันรึเปล่า



มาถึงสนามบินที่ี Las vegas ลงมาจากเครื่องปุ๊บก็เจอเครื่อง Slotmachine เต็มไปหมดเลย  เป็นเมืองแห่งคาซิโนจริงๆ  เข้าไปในห้องน้ำก็ยังเป็นห้องน้ำที่มีรูกว้างมากอยู่  เดินจากข้างนอกมองเข้ามานี่  เห็นคนทำภารกิจเลยจ้า   ทริปนี้มากะน้องไอซ์ปรีชญาด้วย สวยงามน่ารักมากๆ


บ้านเมืองเหมือนอยุ่ในสวนสนุกตลอดเวลา  มีตัวมาสคอทมาเดินเล่นในถนนให้คนถ่ายรูปแต่คิดเงินนะแจ๊ะ 


มาถึง Hi light อีกอย่างคือได้ไปขับซุปเปอร์คาร์ในสนามแข่ง Las Vegas Motor Speedway  เป็นประสบการณ์ที่เจ๋งมากจริงๆ  เรามีหน้าที่ขับๆซิ่งๆอย่างเดียว  แทบไม่ต้องดูแลอะไรเลย  เนื่องจากว่าจะมี Instructure คอยดูแลเราด้วย  เค้าจะคอยมองรถหลังให้เรา  ถ้ามีรถหลังมา  เค้าก็จะบอกให้เราชิดซ้ายให้รถหลังแซงไปก่อน  แล้วเค้าก็จะคอยบอกตลอด  ให้เหยียบคันเร่ง  เหยียบเบรค เอาเบรคลง หมุนพวงมาลัย อะไรประมาณนี้  แต่จริงๆแล้วถ้าเราขับเองก็ได้เหมือนกัน


รถที่มีให้ขับก็คือ Lamborghini Gallardo ,Ferrari 430, R 8, GT-R ,Aston Martin แย้ขับ 430 ผมนี่เหยียบมิดเลยครับเพราะมิใช่รถผม 55555 ก่อนขับเค้าจะเช็คใบขับขี่ระหว่างประเทศ แต่ทัวร์เส้นใหญ่เลยใช้ใบขับขี่ไทยได้  และให้เราอบรมวิธีการและมารยาทในการขับขี่ก่อน สนุก มัน สะใจมากกก


หลังจากนั้น  เราก็มานอนโรงแรม Bellagio Las Vegas เป็นโรงแรมที่สุดติ่งกระดิ่งแมวข้างในเป็นแหล่งช็อปปิ้ง  และคาซิโนนั่นเอง  เรียกว่าตื่นมาปุ๊บก็เล่นคาซิโนกันต่อเลยจ้าในโรงแรมมี Hermes ด้วย


หลังจากนั้นก็มาขึ้นรถ Hummer Limousine เป็นรถที่มีอยู่ทั่วไปใน Las Vegas เยอะแยะไปหมดเลย  ข้างในก็จะยาวๆแบบนี้  แล้วก็จะมีสุราคอยบริการ  เค้าก็จะให้ทำเป็น Complimentary ขวดนึง  แล้วที่เหลือเราก็แวะซื้อเองได้  รูปคนที่ใส่สูทอยู่ก็เป็นคนขับรถนั่นเอง  อัธยาศัยดีมาก


ผ่านไปแล้วจ้ากับตอนแรกกับหญิงแย้  ตะลุยแดนอเมริกา  ทริปนี้แย้บอกเลยว่าสนุกมากๆ มีอีกหลายสถานที่เที่ยวที่อยากให้ได้ชมกัน  ติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะจ้ะ  แย้จะพาไปตะลุยอเมริกากันต่อ  จะไปที่ไหนต่อห้ามพลาด!! สวัสดีจ้า

ติดตามหญิงแย้ได้ทุกช่องทางที่
Blog :http://www.yaeuunws.com
Facebook : www.facebook.com/uunws
Instagram : yae_uunws
SocialCam : Yae_uunws
Youtube : www.youtube.com/user/YAEuunws
Pantip : นนทพรแย้
Jeban : Yaeuunws

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

 
หญิงแย้ © 2014 | Designed by Janenipa.com